About

Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry’s standard dummy text ever.

Top sale

Contact

  • Phone:
  • Address:

    100 หมู่ 1 ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ 50220

  • Email:
  • Working days/hours:
    Mon - Sun 9:00 AM - 8:00 PM

เมนูอาหารไทยโบราณที่ทำเองได้ไม่ต้องพึ่งเชฟ

ปิดความเห็น บน เมนูอาหารไทยโบราณที่ทำเองได้ไม่ต้องพึ่งเชฟ

เมนูอาหารไทยโบราณที่ทำเองได้ไม่ต้องพึ่งเชฟ

“.. อาหารไทยโบราณ เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์โดยเฉพาะ เป็นสิ่งที่มีเสน่ห์ บ้างก็สามารถกินเป็นยาได้เลยนะ บางเมนูหากินได้ยากในปัจจุบันแล้ว เพราะว่าหลายคนอาจจะลืมเมนูที่เป็นอาหารไทยโบราณไป หรือบางคนอาจจะยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราจะมานำเสนอเมนูอาหารไทยโบราณให้ทุกคนได้รู้จักกัน จะมีเมนูใดบ้างไปดูกันเลย ..”

#ซอส #ซอสสุขภาพ #ซอสโซเดียมต่ำ #ซอสคลีน #ปรุงสุขภาพ #เครื่องปรุงรสไม่มีส่วนผสมของสารกันเสีย #เครื่องปรุงรสไม่มีสารก่อมะเร็ง #เครื่องปรุงสุขภาพ #เครื่องปรุงรสไร้ถั่ว #ซอสที่ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ #เครื่องปรุงที่ผู้มีโรคประจำตัวทานได้

หมูสร่ง มัดใจคุณ

วันนี้จะมาช่วยเพิ่มเสน่ห์ปลายจวักให้กับทุกๆคน ด้วยหมูสร่ง เมนูไทยโบราณ นับเป็นเมนูกินเล่นแบบไทย ๆ ที่ถึงเครื่อง ถึงรส กรอบนอกเเน่นใน กัดไปคำไหนๆก็ฟิน กินแล้วเหมือนได้ย้อนไปอยู่ในสมัยอยุธยาเลยทีเดียว พูดแล้วจะหาว่าเวอร์งั้นลองไปทำกัน

ส่วนผสม

  • เนื้อหมูบด

  • รากผักชี

  • กระเทียม

  • พริกไทยป่น

  • ซอสมาสเตอร์เซฟ อูมามิ (แนะนำ 1 ช้อนชา/อาหาร200กรัม)

  • ไข่ไก่

  • น้ำมัน

  • เส้นหมี่ซั่วขาว(รสจืด)

วิธีทำ

  • โขลกรากผักชีกับกระเทียมให้ละเอียด จากนั้นก็นำไปคลุกกับหมูบด ปรุงรสด้วย พริกไทยป่น ซอสมาสเตอร์เซฟ อูมามิ (แนะนำ 1 ช้อนชา/อาหาร200กรัม) ตอกไข่ลงไป 1 ฟอง นวดให้เหนียว

  • นำเส้นหมี่ซั่วขาวไปจุ่มน้ำแล้วผึงแล้วเอาผ้าขาวบางคลุมไว้
  • ปั้นหมูเป็นก้อนกลมๆ เท่าๆ กัน จากนั้นก็จับเส้นหมี่ซั่วมา 3 -4 เส้น นำมาพันกับหมูให้เหมือนตะกร้อ
  • เทน้ำมันให้ท่วมกระทะ เปิดไฟอ่อน เพื่อไม่ให้เส้นไหม้ก่อนที่หมูจะสุก ค่อยดูไม่ให้เส้นหมี่ที่พันไว้หลุดออก ตรงส่วนด้านบนที่ไม่โดนน้ำมัน ให้ตักน้ำมันราดให้ทั่วๆ เมื่อหมูสร่งพอสุกแล้ว
  • ทอดต่อ ให้เปิดไฟกลางให้เส้นหมีกรอบและสุกเหลือง เสร็จแล้วก็นำมาจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ

ที่มารูปภาพ : today.line.me

อ้างอิงข้อมูล : food.mthai.com

เนื้อเค็มต้มกะทิ

หลายคนคงมีเนื้อเค็มหรือเนื้อแดดเดียวติดตู้เย็นไว้บ้างแหละ แต่คงเบื่อแล้วเพราะคิดว่าเอามาทำได้แค่ทอดสินะ วันนี้ลองเปลี่ยนมาทำเป็นอาหารไทยโบราณอย่างเนื้อเค็มต้มกะทิกัน ที่ให้รสเปรี้ยว หวาน เผ็ดเบา ๆ อร่อยมัน ๆ แต่ไม่เลี่ยนนะ เดี๋ยวนี้หากินยากมากถ้าไม่อยากพลาดมาทำกันเลย

ส่วนผสม

  • เนื้อเค็ม หรือ เนื้อแดดเดียว (เปลี่ยนเป็นหมูเค็มได้)

  • หัวกะทิ

  • หางกะทิ

  • หอมแดงซอย

  • น้ำตาลปีบ

  • ซอสมาสเตอร์เซฟ อูมามิ (ตามปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้ชิม และค่อยๆปรุง)

  • พริกขี้หนูเม็ดเล็ก

  • ใบมะกรูดฉีก และใบมะกรูดซอย (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำ

  1. ย่างเนื้อเค็มแล้วใช้ค้อนทุบเนื้อทุบ ให้นิ่ม ฉีกเป็นเส้นหรือหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ก็ได้
  2. นำหางกะทิใส่หม้อ ใส่เนื้อเค็มและหอมแดงลงเคี่ยวกับหางกะทิด้วยไฟอ่อนจนงวด (ใช้กะทิกล่อง ถ้าหัวกะทิข้นมากให้นำหัวกะทิผสมกับน้ำเล็กน้อยเพื่อใช้เป็นหางกะทิ)
  3. เคี่ยวจนกวาเนื้อจะเปื่อย ปรุงรสด้วยซอสมาสเตอร์เซฟ อูมามิ (ใส่ซอสตามปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้ชิม และค่อยๆปรุง) น้ำตาลปีบ ชิมรสตามชอบ
  4. ใส่พริกขี้หนูหอม ฉีกใบมะกรูดใส่ไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ไม่ควรให้พริกขี้หนูสุกเกิน
  5. ตักเนื้อเค็มต้มกะทิใส่ชาม โรยใบมะกรูดซอย เสิร์ฟขณะที่ยังร้อน

ที่มารูปภาพ : https://bit.ly/3HBE2MY

อ้างอิงข้อมูล : https://bit.ly/3Gcgwpm

ต้มจิ๋ว แกงโบราณ

ต้มจิ๋ว อีกหนึ่งเมนูอาหารไทยแบบโบราณ ๆ ที่หลายคนชอบกิน นอกจากจะได้กินเนื้อต้มแบบเปื่อย ๆ เคี้ยวอร่อย รสชาติแซ่บ ๆ จากนำต้มยำแล้ว ยังได้ประโยชน์จากสมุนไพรต่างๆมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทา หรือเสริมภูมิคุ้มกันอีกด้วย แค่คิดภาพตามก็น้ำลายแตกฟองแล้ว ขออนุญาตรีบเข้าครัวตอนนี้เลยดีกว่า

ส่วนผสม

  • เนื้อวัวหรือเนื้อหมู

  • มันเทศ

  • ใบโหระพา

  • ใบกะเพรา

  • พริกขี้หนูทุบหยาบ

  • หอมแดงซอย

  • ซอสมาสเตอร์เซฟ อูมามิ (ตามปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้ชิม และค่อยๆปรุง)

  • น้ำมะนาว

  • น้ำมะขามเปียก

  • น้ำเปล่า

วิธีทำ

  1. หั่นเนื้อให้เป็นชิ้นๆ
  2. ต้มน้ำซุป 2 ถ้วยตวงใส่หม้อ ยกตั้งไฟ พอเดือดใส่เนื้อที่หั่นไว้ลงไป เปิดไฟเบาๆ เคี้ยวไปเรื่อยๆจนเริ่มเปื่อย ใส่มันเทศต้มสุกลงไป ระหว่างที่น้ำเดือดใส่หอมแดงซอยลงไปพอสุกใส ปรุงรสด้วยซอสมาสเตอร์เซฟ อูมามิ (ใส่ซอสตามปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้ชิม และค่อยๆปรุง) ตามด้วยน้ำมะขามเปียก
  3. ยกลงจากเตา โรยใบโหระพาและใบกะเพราลงไป ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ

ที่มารูปภาพ : krua.co

อ้างอิงข้อมูล : cpbrandsite.com

บทความเพิ่มเติม

X
Top